|
วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555
วัฒนธรรมประเพณีในจังหวัดชัยภูมิ
ประชาชนในจังหวัดชัยภูมิ ประมาณร้อยละ 95 เป็นคนท้องถิ่นเดิม มีวัฒนธรรมประเพณีซึ่งมีลักษณะ ผสมผสานระหว่างความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่นกับหลักปฏิบัติทางพุทธศาสนา ประกอบ กับประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของจังหวัด มีลักษณะเด่นชัดที่เน้นและเชิดชูวีรกรรมความซื่อสัตย์ กตัญญูของเจ้าพ่อพระยาแล ทำให้มีงานประจำ และงานประเพณี ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมของจังหวัด ดังต่อไปนี้
บุคสำคัญของจังหวัดชัยภูมิ
บุคคลสำคัญในจังหวัดชัยภูมิ

พระยาภักดีชุมพล (แล) คนทั่วไปนิยมเรียกว่า เจ้าพ่อพระยาแล รับราชการอยู่ในสำนักเจ้าอนุวงศ์ ในตำแหน่งพี่เลี้ยงราชบุตรเจ้าอนุวงศ์ ต่อมาท้าวแลได้อพยพครอบครัว และบริวารเดินทางข้ามแม่น้ำโขง ที่ท่าเมืองชัยบุรี เข้ามาถึงเมืองหนองบัวลำภู เมื่อปี พ.ศ.๒๓๖๐ แล้วมาตั้งหลักแหล่ง ที่บ้านน้ำขุ่นคลองอีสาน (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา) ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๖๒ ได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่โนนน้ำอ้อมชีลอง (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ) ท้าวแล ได้ส่งส่วยอากรผ้าขาว เกณฑ์ชายฉกรรจ์ ไปบรรณาการแก่เจ้าอนุวงศ์ จึงได้รับปูนบำเหน็จให้มีบรรดาศักดิ์ เป็น ขุนภักดีชุมพล ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๖๕ มีผู้คนมาตั้งบ้านเรือนเพิ่มขึ้น ขุนภักดี ฯ จึงได้อพยพผู้คนมาตั้งถิ่นฐาน อยู่ระหว่างบ้านหนองหลอดกับบ้านหนองปลาเฒ่า ให้ชื่อบ้านใหม่ว่า บ้านหลวง ปี พ.ศ.๒๓๖๗ ขุนภักดี ฯ ได้นำทองคำพร้อมส่วยฤชากร ชายฉกรรจ์ ไปบรรณาการแก่เจ้าอนุวงศ์ และขอให้เจ้าอนุวงศ์ตั้งชื่อเมืองที่ตนตั้งรกรากอยู่ เจ้าอนุวงศ์ได้ตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองชัยภูมิ แล้วได้นำทองคำพร้อมส่วยของขุนภักดี ฯ ไปถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมกราบบังคมทูล ขอเลื่อนบรรดาศักดิ์ขุนภักดี ฯ เป็นพระยาภักดีชุมพล และยกบ้านหลวงเป็นเมืองชัยภูมิ ก็ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้ตามที่ขอพระราชทาน พระยาภักดีชุมพลได้รับสาส์นด้วยความปลื้มปิติ พร้อมกับประกาศแก่ประชาชนให้มาร่วมรับทราบ และตั้งสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระพุทธศาสนา และชาติไทยจนชั่วชีวิต
สินค้า OTOP จังหวัดชัยภูมิ
จังหวัด ชัยภูมิ | |
สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ |
ชื่อสินค้า | รายละเอียด | ตำบล | |
![]() | น้ำผึ้งดอกไม้ป่า | น้ำผึ้งดอกไม้ป่า dehydrate เป็นน้ำผึ้งบริสุทธิ์สกัดน้ำออก (161249) | ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำผึ้งแท้ 100 % (5 ดาว ปี 2552) | น้ำผึ้งแท้ 100 % (รหัสโอทอป 360700104701) | ตำบลบ้านชวน อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำผึ้งแท้ 100 % (5 ดาว ปี 2553) | น้ำผึ้งแท้ 100 % (รหัสโอทอป 360700104701)(OPC53 CYP5Stars)53A,535A | ตำบลบ้านชวน อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำพริกนรกปลา (5 ดาว ปี 2553) | น้ำพริกนรกปลา (รหัสโอทอป 360100825201)(OPC53 CYP5Stars)53A,535A | ตำบลบุ่งคล้า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำพริกแมงดา | น้ำพริกแมงดา (รหัสโอทอป 360100975201) | ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำพริกแมงดา (4 ดาว ปี 2552) | น้ำพริกแมงดา (รหัสโอทอป 360100825201) | ตำบลบุ่งคล้า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำมะเม่า (4 ดาว ปี 2553) | น้ำมะเม่า (รหัสโอทอป 360100995301)(OPC53 CYP4Stars)53B,534B | ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำมันบำรุงผิว | น้ำมันบำรุงผิว สกัดมาจากน้ำมันมะพร้าว สำหรับฟื้นฟูสภาพผิว (161249) | ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำมันบำรุงผิว | น้ำมันบำรุงผิว (3150) | ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำมันว่าน 108 | น้ำมันว่าน 108 (3150) | ตำบลบ้านโสก อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | นำมันหว่าน 108 | นำมันหว่าน 108 (รหัสโอทอป 360300764902) | ตำบลบ้านโสก อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | น้ำสมุนไพรพร้อมดื่ม | น้ำสมุนไพรพร้อมดื่ม (3150) | ตำบลหนองโดน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | เนคไท | เนคไท (211148) | ตำบลผักปัง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | เน็คไทผ้าไทย | เน็คไทผ้าไทย (รหัสโอทอป 360202184901) | ตำบลบ้านเขว้า อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ |
![]() | บ้านเรือนแพ | บ้านเรือนแพ (รหัสโอทอป 360700325201) | ตำบลบ้านชวน อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ |
แหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานจังหวัดชัยภูมิ

โบราณสถานและประวัติศาสตร์ (Historic Building)

ปราสาทหินพนมวัน (Prasat Hin Phanom Wan)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองปราสาทหินพนมวัน ตั้งอยู่ที่บ้านมะค่า ตำบลโพธิ์ จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น) ประมาณ 14-15 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางด้านขวามือ แยกเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นปราสาทขอมที่น่าชมอีกแห่งหนึ่ง สันนิษฐานว่าเดิมก่อสร้างด้วยอิฐในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 จึงได้สร้างอาคารหินซ้อนทับลงไป ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบขอม มีลักษณะคล้ายครึงกับปราสาทหินพิมายแต่มีขนาดเล็กกว่า จากจารึกที่ค้นพบ เรียกปราสาทแห่งนี้ว่า "เทวาศรม" เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ต่อมาจึงได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นพุทธสถาน ปัจจุบันแม้จะหักพังไปมาก แต่ยังคงเห็นซากโบราณสถานหลงเหลือเป็นเค้าโครงค่อนข้างชัดเจนเช่น ปรางค์จตุรมุของค์ประธานหลักซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกโดยมีมณฑปอยู่ เบื้องหน้าและมีฉนวน (ทางเดิน) เชื่อมต่อระหว่างอาคารทั้งสอง
ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปรางค์มีอาคารก่อด้วยหินทรายสีแดงเรียกว่า "ปรางค์น้อย" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบปราสาทมีระเบียงคตสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงล้อมเป็นกำแพงอยู่ มีโคปุระ (ประตูทางเข้าเทวสถาน) ก่อสร้างเป็นรูปหอสูงทั้งสี่ทิศ บริเวณรอบนอกปราสาททางด้านทิศตะวันออกห่างจากโบราณสถานเกือบ 300 เมตร มีร่องรอยของคูน้ำและเนินดินเรียกว่า "เนินอรพิม" นอกจากนี้ยังพบศิลาแลงจัดเรียงเป็นแนวคล้ายซากฐานอาคารบนเนินแห่งนี้ด้วย
ปรางค์กู่ (Prang Ku)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองปรางค์กู่ ตั้งอยู่ที่วัดบ้านกู่ ตำบลดอนตะหนิน ห่างจากตัวเมืองเป็นระยะทาง 67 กิโลเมตร เป็นรูปแบบของโบราณวัตถุโบราณสมัยขอม ลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยม ก่อด้วยศิลาแลงวางซ้อนกันจากฐานถึงยอด ภายในบรรจุพระพุทธรูปดินเผาสถานที่ตั้ง : อำเภอโชคชัย
ปรางค์พะโคเป็นศาสนสถานสมัยขอมก่อสร้างด้วยหินทรายสีขาว แต่เดิมประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถาน 3 หลัง แต่ปัจจุบันคงเหลืออยู่แค่ 2 หลัง มีคูน้ำล้อมรอบเป็นรูปเกือกม้า ทางเข้าอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ได้พบชิ้นส่วนหน้าบัน ประตูหลอกที่แสดงถึงอิทธิพลวัฒนธรรมเขมรแบบปาปวนในราวพุทธสตวรรษที่ 16 ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ตั้งอยู่ที่ตำบลกระโทก จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 224 ประมาณ 29 กิโลเมตร ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 2071 อีกประมาณ 3 กิโลเมตร ตัวปราสาทจะอยู่ทางขวา
เมืองโคราช (Muang Khorat)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสูงเนิน เมืองโคราชเป็นเมืองโบราณสมัยขอม ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดนครราชสีมา ห่างจากตัวเมืองเป็นระยะทาง 32 กิโลเมตร ทางไปอำเภอสูงเนินมีะยะทาง 3 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่วัดญาณโสภิตวนาราม ซากปรักหักพังของปราสาทหินโนนกู่ ปราสาทหินเมืองแขกและปราสาทหินเมืองเก่า ซึ่งได้รับการบูรณะปฏิสังขรแล้วโดยกรมศิลปากร
เมืองเสมา (Muang Sema)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสูงเนิน เมืองเสมาตั้งอยู่ที่ตำบลเสมา อยู่ห่างจากตลาดสูงเนินเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร ยังคงเป็นเมืองร้างที่มีพื้นที่เป็นวงรี มีความก้าง 1,400 เมตรและยาว 2,000 เมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงหินศิลาแลง มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงพระพุทธรูปนอนในวัดเสมาธรรมจักรมีความยาว 11.7 เมตร ที่สร้างจากหินทรายและเศษซากของหินเสมาโบราณ สิ่งที่ถูกค้นพบเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นพื้นของพระอุโบสถที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าเมืองนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี

ปราสาทนางรำ (Prasat Nang Ram)
สถานที่ตั้ง : อำเภอพิมาย ปราสาทนางรำ ตั้งอยู่ที่บ้านนางรำ ตำบลนางรำ ห่างจากตัวเมือง 79 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหมายเลข 2 ผ่านทางเข้าอำเภอพิมายไปจนถึงแยกบ้านวัด ระยะทาง 62 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าทางหลวง 207 ไปประมาณ 22 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไปปราสาทนางรำอีก 4 กิโลเมตร เป็นอโรคยาศาลที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบขอม ในราวพุทธศตวรรษที่ 18
ใช้เป็นสถานที่รักษาพยาบาล ประกอบด้วย ปราสาทองค์กลาง มีมุขยื่นออกไปข้างหน้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทมีวิหารก่อด้วยศิลาแลงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ นอกกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระน้ำขนาดเล็กก่อด้วยศิลาแลง ถัดจากปราสาทนางรำไปทางทิศใต้ 80 เมตร มีปราสาทอีก 3 หลัง เรียงกันในแนวเหนือ-ใต้ มีกำแพงศิลาแลงและคูน้ำรูปเกือกม้าล้อมรอบ
อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย (The Phimai Historical Park)

อุทยานประวัติศาสตร์พิมายเป็นโบราณสถานที่ใหญ่แห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีวัดอยู่หลายแห่งและหลายขนาด ลักษณะโครงสร้างส่วนใหญ่เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อพันปีมาแล้ว ซึ่งสร้างขึ้นจากหินทราย หรือการรวมกันของทั้งสองวัตถุสองประเภท ถูกสร้างขึ้นโดยคนของพราหมณ์ วัดเหล่านี้มีฐานสามถึงห้าชั้นสูงขึ้นไปเป็นยอดแหลมโดดเด่น ที่สร้างขึ้นโดยพุทธศาสนิกชน ซึ่งมีฐานต่ำยอดไม่สูง
ตั้งอยู่ในตัวอำเภอพิมาย ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโคราช เป็นระยะทาง 60 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายมิตรภาพ (โคราช-ขอนแก่น) อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ครอบคลุมพื้นที่เมืองโบราณอันเป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ใหญ่โตและงดงามแห่งหนึ่ง คือ "ปราสาทหินพิมาย" ซึ่งมีความกว้าง 665 เมตร และยาว 1,030 เมตร เป็นแหล่งโบราณคดีที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์สร้างขึ้นในราวปลายพุทธ ศตวรรษที่ 16 และมาต่อเติมอีกครั้งในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งครั้งนั้นเมืองพิมายเป็นเมืองใหญ่ของขอมบนแผ่นดินที่ราบสูง ทุกวันนี้พระวิหารได้รับการบูรณะปฏิสังขรและตกแต่งอย่างงดงาม
ซากโบราณสถานปรักหักพังของสถาปัตยกรรมขอมโบราณที่น่าสนใจ ได้รับการบำรุงรักษาไว้เป็นอุทยาน ประวัติศาสตร์แห่งชาติ อนุยาทนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินทรายสีแดง ผนังภายนอกและแกลเลอรี่ มีซุ้มประตูหรือที่เรียกว่า โคปุระ ที่มีผังเป็นรูปกากบาทและมีซุ้มประตูลักษณะเดียวกันนี้อีก 3 ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ทางเดินกลางจะประดับด้วยราว สะพานนาคราช เป็นเส้นทางไปยังทิศใต้ที่มีเส้นทางผ่านจากพระนคร (อังกอร์)
ปรางค์หินทรายสีขาว ที่องค์ปรางค์มีความสูง 28 เมตรและ ขนาบข้างด้วย 2 ปรางค์ ด้านซ้ายถูกสร้างขึ้นด้วยศิลาแลงเรียกว่า "ปรางค์พรหมทัต"และด้านขวาถูกสร้างขึ้นด้วยหินทราย เรียกว่า "ปรางค์หินแดง" หลักฐานจากวิหารหลักพบว่าซุ้มประตูภายนอกทั้งหมด รวมทั้งหน้าจั่วที่แสดงความเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู เช่น ภาพแกะสลักของเรื่องรามเกียรติ์ หรือ สัญลักษณ์ของเทพเจ้าฮินดู เช่น พระศิวะและพระวิษณุ ส่วนซุ้มประตูภายในเกี่ยวข้องกับศาสนาศิลปะทั่วไปของพุทธศาสนานิกายมหายาน แต่ก็สามารถสรุปได้ว่าทางเขตรักษาพันธุ์พิมาย ได้สร้างขึ้นเพื่อบูชาทั้งพุทธศาสนานิกายมหายานและศาสนาฮินดู
ลักษณะทางพุทธศาสนาที่มีมากกว่าเทพเจ้าฮินดู พระศิวะ และพระแม่อุมามหาเทวี น่าจะหมายความว่าพระพุทธศาสนาได้รับการนับถือมากขึ้นกว่าศาสนาฮินดู จากการพบ 2 หินศิลาจาลึก หินแรกกล่าวถึงชื่อพระมหากษัตริย์ คือ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 (1545-1593) ในขณะที่หินที่ 2 ที่ซุ้มประตูทางทิศใต้ เป็นการกล่าวถึงชื่อพระนางมหากษัตริย์ คือ พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1650-1656) ศิลาจารึกเหล่านี้ใน ยุคต่างๆได้ตรงกับลักษณะของศิลปวัตถุที่พบในพระปรางค์องค์กลาง ถึงแม้ว่าซากโบราณสถานปราสาทหินพิมายถูกบูรณะขึ้นมา สัญนิษฐานว่าปูชนียสถานนี้อาจถูกสร้างขึ้นในระหว่างช่วงกลางพุทธวรรษที่ 17 และ 18
อุทยานประวัติศาสตรพิมายเปิดให้เข้าชมทุกวัน : เวลา 07.30-18.00 น. ค่าเข้าชม : คนไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 40 บาท
ศาสนสถาน (Religious Site)
วัดพระนารายมหาราช (Wat Phra Narai Maharat)สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
วัดพระนารายมหาราช ตั้งอยู่ที่ถนนประจักษ์ องค์พระนารายณ์ (เทพเจ้าฮินดู) ทำจากหินทราย รูปหล่อถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่สำคัญของเมือง ยังเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมือง
วัดป่าศาลาวัน (Wat Pa Salawan)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองตั้งอยู่ในตัวเมือง หลังสถานีรถไฟนครราชสีมา เป็นวัดหนึ่งที่ได้เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพบูชาของศาสนิกชนโดยทั่วไป คือ อาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น รวมทั้งอัฐิของอาจารย์สิงห์ อดีตเจ้าอาวาสที่ได้บุกเบิกสร้างวัดแห่งนี้สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
วัดศาลาลอย ตั้งอยู่ที่ ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง นครราชสีมา อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง ติดกับเขื่อนลำตะคอง แยกจากถนนรอบไปประมาณ 500 เมตร พระวิหารหลักที่ได้รับรางวัลมากมายจากสมาคมต่างๆ เช่น วัดนี้ได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ด้วยศาสนสถานที่ถูกสร้างในรูปแบบสำเภาจีน และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีปในปี พ.ศ. 2516

วัดหน้าพระธาตุ (Wat Na Phra That)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปักธงชัยวัดหน้าพระธาตุ ตั้งอยู่ที่บ้านตะคุ จากตัวเมืองนครราชสีมาใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 314 ประมาณ 30 กิโลเมตร (ผ่านสี่แยกปักธงชัย) มีทางแยกด้านขวามือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2238 ไปบ้านตะคุ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร วัดตั้งอยู่ทางซ้ายมือ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้แก่ เจดีย์ อุโบสถ และหอไตรกลางน้ำ หรือห้องเก็บพระไตรปิฎก ที่มีการแกะสลักอย่างประณีต ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีศิลปะแบบท้องถิ่น ปะปนอยู่มาก อุโบสถหลังเก่ามีจิตรกรรมฝาผนังสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ปรากฎให้เห็นอยู่เกือบสมบูรณ์ทั้งบริเวณผนังด้านหน้าข้างนอกและผนังด้านในทั้งสี่ด้าน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทศชาติชาดก และเป็นภาพการสักการะพระพุทธบาท นอกจากนั้นยังแทรกภาพชีวิตประจำวันของชาวบ้านในสมัยนั้นด้วยเช่น การทำนา การหาปลา เป็นต้น ทางด้านหน้าอุโบสถหลังเก่า มีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่กลางสระมีหอไตร 1 หลัง ทรงเตี้ยแบบหอไตรพื้นเมืองอีสาน ซึ่งมีภาพลายรดน้ำที่บานประตูเป็นลวดลายวิจิตรสวยงามมาก ระหว่างหอไตรและอุโบสถหลังเก่า ยังมีเจดีย์ศิลปะแบบลาวเก่าอีก 1 องค์ สร้างโดยชุมชนที่อพยพมาจากนครเวียงจันทน์สถานที่ตั้ง : อำเภอด่านขุนทด
วัดบ้านไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลกุดพิมาน จากตัวเมืองเดินทางตามถนนมิตรภาพ ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 2217ป็นระยะทางอีกประมาณ 11 กิโลเมตร วัดบ้านไร่เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเป็นสถานที่จำพรรษาของหลวงพ่อคูณ ปริสทฺโธ เกจิอาจารย์ชื่อดัง ในแต่ละวันมีผู้คนจากทุกสารทิศเดินทางมานมัสการหลวงพ่อคูณกันเป็นจำนวนมาก

วัดปรางค์สีดา (Wat Prang sida)
สถานที่ตั้ง : อำเภอประทายปรางค์สีดา ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระปรางค์สีดา ตำบลสีดา จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น) ไปประมาณ 84 กิโลเมตร ถึงบริเวณสี่แยกสีดาเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 202 (ไปทางอำเภอประทาย) ประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าวัดอีกราว 2 กิโลเมตร ปรางค์สีดามีลักษณะคล้ายปรางค์กู่ที่ตำบลดอนตะหนิน แต่ปรางค์สีดาปิดทึบทั้งสี่ด้าน เป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์ ศิลปะแบบเขมรโบราณ ก่อด้วยศิลาแลงจำนวน 1 หลัง มีลวดลายปูนปั้นประดับหันหน้าไปทางทิศตะวันออกล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17–18
อนุสาวรีย์ (Monument)
อนุสรณ์สถานนางสาวบุญเหลือ (Miss Boonlua Memorial)สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ตำบลโคกสูง อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12.5 กิโลเมตร อยู่ทางด้านซ้ายมือตามเส้นทางสายนครราชสีมา-ชัยภูมิ ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง 175 เซนติเมตร สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนางสาวบุญเหลือและเหล่าบรรพบุรุษของชาว นครราชสีมาที่ได้พลีชีพเพื่อปกป้องชาติเมื่อครั้งสงครามเจ้าอนุวงศ์ ปี พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ด้วยการใช้ดุ้นฟืนติดไฟโยนเข้าใส่กองเกวียนดินดำของกองทัพลาวจนระเบิดเสีย หายหมดสิ้นและตัวนางได้สิ้นชีวิตในการสู้รบในครั้งนั้นสถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ตำบลโคกสูง อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12.5 กิโลเมตร อยู่ทางด้านซ้ายมือตามเส้นทางสายนครราชสีมา-ชัยภูมิ ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง 175 เซนติเมตร สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนางสาวบุญเหลือและเหล่าบรรพบุรุษของชาวนครราชสีมา ที่ได้พลีชีพเพื่อปกป้องชาติเมื่อครั้งสงครามเจ้าอนุวงศ์ในช่วงปี พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ด้วยการใช้ดุ้นฟืนติดไฟโยนเข้าใส่กองเกวียนดินดำของกองทัพลาวจนระเบิดเสีย หายหมดสิ้นและตัวนางได้สิ้นชีวิตในการสู้รบในครั้งนั้น
พิพิธภัณฑ์ (Museum)
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์ (Maha Weerawong National Museum)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ มหาวีรวงศ์ อยู่ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัด เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ถือกำเนิดจากการรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) อดีตพระเถระสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยพระองค์ได้สะสมโบราณศิลปวัตถุจากจังหวัดต่างๆ ซึ่งขณะนั้น ทรงมีอำนาจปกครองคณะสงฆ์อยู่แล้ว นำมาเก็บรักษาไว้ที่วัด ต่อมา ด้วยความตระหนักถึงคุณค่าทางการศึกษาโบราณศิลปวัตถุเหล่านี้ ได้มีการมอบสิ่งของที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) รวบรวมได้ให้กับกรมศิลปากร เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนผู้สนใจชม ในปี พ.ศ. 2497 กรมศิลปากรได้สร้างอาคารชั้นเดียวทรงไทยประยุกต์ขึ้น 1 หลัง ภายในพื้นที่ของวัดสุทธจินดา จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้น ซึ่งนอกจากจะจัดแสดงของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์รวบรวมไว้แต่เดิมแล้ว ยังจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุที่ได้จากแหล่งโบราณคดี โบราณสถานในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง
รวมทั้งสิ่งของที่ประชาชนบริจาคให้เพิ่มเติมในภายหลังด้วย และตั้งชื่อพิพิธภัณฑสถานฯ ที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ริเริ่มก่อตั้งว่า "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์"
แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท (Archaeological Ste At Ban Prasat)
สถานที่ตั้ง : อำเภอโนนสูง
มีการขุดค้นเพื่อค้นหาโบราณสถาน 2 แห่ง แต่ละแห่งมีการขุด 3 หลุม ในความลึกต่างกัน 3.50-4.50 เมตร พบโครงกระดูดมนุษย์และศิลปวัตถุหลากหลายชนิด รวมถึงอาวุธโบราณที่มีรูปร่างเหมือนจานทำจากหิน เหมือนกับหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ เครื่องประดับทำจากกระดูกสัตว์ เปลือกหอยและอาวุธขวานโบราณ สิ่งที่ถูกค้นพบในชั้นนี้เชื่อว่า เป็นของสมัยก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว ที่ความลึกของ 2.30-3.0 เมตร พบอาวุธสำริดโบราณ เช่น อาวุธที่ดูเหมือนหลาว ลูกปัดหินสีแปลก ๆ ภาชนะดินเผาแบบเคลือบโคลนสีแดง และเครื่องประดับเคลือบดินเผามีลวดลายสีดำ รวมทั้งข้อมือและกำไลข้อเท้าทอง เชื่อว่าสิ่งถูกค้นหาเป็นของในสมัยทวารวดี เมื่อ 1,600 –800 ปี มาแล้ว ที่ความลึก 1.50-2.0 เมตร ยังขุดค้นพบ เตาเผาและเครื่องปั้นดินเผาเคลือบสีที่มีรูปแบบการผสมผสานของขอมและร่วมสมัย ภาชนะที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่พบในช่วงเวลานี้ ภาชนะคล้ายกับที่พบในช่วงนี้ รวมถึง ดาบและอาวุธ ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน สิ่งต่างๆ ที่ถูกขุดค้นพบเหล่านี้น่าจะมีอายุ อย่างน้อย 600 ปี จากการสำรวจโดยกองโบราณคดี เมื่อปี 2520 บ้านปราสาทมีพื้นที่ไม่สม่ำเสมอ ล้อมรอบด้วยคูเมือง วัดพื้นที่รอบนอกทั้งหมดได้ 700 x 450 เมตร พื้นที่ลาดไปทางทิศใต้มี จุดสูงสุดที่เพิ่มขึ้นเพียง 4 เมตรจากพื้นที่บริเวณรอบนาข้าว เป็นพื้นที่ที่เชื่อว่าเป็นชุมชนการเกษตรในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ทางใต้ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีอารยธรรมทั่วไปของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากที่บ้านเชียงจังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีอายุ เมื่อ 500-1,000 ปี มาแล้ว
สวนสาธารณะและอุทยาน (Park & National Park )
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (The Khao Yai Natioanl Park)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากช่อง อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 2,168 ตารางกิโลเมตรในเทือกเขาพนมดงรัก ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา นครนายก สระบุรี และปราจีนบุรี ป่าเขาใหญ่สมัยก่อนได้รับสมญานามว่า ดงพญาไฟ ที่ทั้งโหดทั้งดิบสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางผ่านป่าผืนใหญ่ที่กั้นแบ่งเขตภาค กลางและภาคอีสาน จนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ.2465 ได้มีชาวบ้านประมาณ 30 ครัวเรือนไปตั้งหลักแหล่ง ถางป่าทำนาทำไร่ สันนิษฐานว่าเป็นพวกที่หลบหนีคดีมา ต่อมาพื้นที่เขาใหญ่ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 และได้รับสมญาว่าเป็นอุทยานมรดกของอาเซียน
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (Natural Attractions)
เขื่อนลำพระเพลิง (Lam Phra Phloeng Dam)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปักธงชัยอยู่ในเขตอำเภอปักธงชัย ใช้เส้นทางสาย ๓๑๔ ผ่านทางเข้าอำเภอปักธงชัยไปประมาณ 4 กิโลเมตร จะพบสี่แยกเลี้ยวขวามือเข้าไปเป็นระยะทาง 28 กิโลเมตร เป็นเขื่อนในความดูแลของกรมชลประทาน ชาวบ้านนิยมมาพักผ่อน รับประทานอาหาร ตกปลาและชมทิวทัศน์ริมอ่างเก็บน้ำ มีบริการบ้านพักรับรองหลายหลัง นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเหมาเรือหางยาวไปชมบรรยากาศภายในอ่างเก็บน้ำ เที่ยวน้ำตกคลองกี่หรือน้ำตกขุนโจนได้ โดยใช้เวลาไป-กลับประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 0 4437 3184 ต่อ 117, 114
ถ้ำเขาจันทร์งาม (Khao Chan Ngam Cave)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสีคิ้วตั้งอยู่ที่บ้านเลิศสวัสดิ์ จากตัวเมืองใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-สระบุรี) ประมาณ 50 กิโลเมตร บริเวณกิโลเมตรที่ 200-201 มีทางแยกซ้ายเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นแหล่งศิลปะภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ ซี่งอยู่บริเวณด้านหลังวัด โดยเดินเท้าผ่านสวนหินและป่าธรรมชาติอันร่มรื่นและเงียบสงบเข้าไปประมาณ 150 เมตร จะพบภาพเขียนลงสีแบบเงาทึบสีแดงเป็นแนวปรากฎอยู่บนเพิงผาหินทรายด้านหนึ่ง อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 4 เมตร เป็นรูปคนและสัตว์ที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่หรือกิจกรรมบางอย่างของ กลุ่มคน เช่น ลักษณะการแต่งกาย การดำรงชีวิต การล่าสัตว์ สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะที่สร้างขึ้นโดยชุมชนเกษตรกรรมที่อาศัยอยู่ในบริเวณ นี้มีอายุระหว่าง 3,000 – 4,000 ปี

เขื่อนลำตะคอง (Lam Takhong Dam)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสีคิ้วตั้งอยู่ตำบลลาดบัวขาว ห่างจากตัวเมืองประมาณ 62 กิโลเมตร มีทางแยกจากทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-สระบุรี) บริเวณกิโลเมตรที่ 196-197 ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเขื่อนดินสร้างกั้นลำตะคองที่ช่องเขาเขื่อนลั่นและช่องเขาถ่านเสียดในปี พ.ศ. 2571 เพื่อนำน้ำเหนือเขื่อนมาใช้ประโยชน์ในด้านชลประทาน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวบนสันเขื่อน เพื่อชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามเหมาะสำหรับพักผ่อนในยามแดดร่มลมตก เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 18.00 น.
ไทรงาม (Sai Ngam)
สถานที่ตั้ง : อำเภอพิมายตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล บริเวณเขื่อนพิมาย โดยก่อนข้ามสะพานท่าสงกรานต์เข้าตัวอำเภอพิมาย จะมีทางแยกไปเขื่อนพิมายอีกประมาณ 2 กิโลเมตร บรรยากาศไทรงามแห่งนี้มีต้นไทรขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ไทรเหล่านี้เกิดจากต้นไม้อายุประมาณ 350 ปี แผ่กิ่งก้านสาขาออกรากซึ่งเจริญเติบโตเป็นลำต้นใหม่มากมายครอบคลุมพื้นที่ กว้างขวาง ประมาณ 15,000 ตารางฟุต สถานที่นี้มีชื่อเสียงรู้จักกันมานานตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองพิมายเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2454 และได้พระราชทานนามว่า "ไทรงาม" ในบริเวณใกล้เคียงมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารหลายร้าน อาหารที่นักท่องเที่ยวนิยมมารับประทานกันมากคือ ผัดหมี่พิมาย (ผัดหมี่โคราช) ที่เส้นเหนียวนุ่มน่ากินไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทร์
สวนสัตว์และสวนสนุก (Zoo & Amusement Park)
สวนสัตว์นครราชสีมา (Nakhon Ratchasima Zoological)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข 304(นครราชสีมา-ปักธงชัย) ระยะทาง 18 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ทางหลวงหมายเลข 2310) อีกประมาณ 1 กิโลเมตร หากเดินทางรถโดยสารจากตัวเมืองสามารถใช้บริการรถปรับอากาศสาย 1415 (สุรนารี-สวนสัตว์)
สวนสัตว์นครราชสีมามีพื้นที่กว้างขวางถึง 545 ไร่ เป็นสวนสัตว์แบบซาฟารีกึ่งเปิดและปิดที่ทันสมัยได้มาตรฐานที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย คอกสัตว์กว้างขวาง จัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับนิสัยสัตว์แต่ละชนิด ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่าแอฟริกาที่น่าสนใจ ได้แก่ นกเพนกวิน แมวน้ำ ช้างแอฟริกา แรด เสือชีต้าห์ สิงโต ม้าลาย ยีราฟ เป็นต้น และยังมีอาคารจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน และสวนนกเงือก จึงเหมาะแก่การทัศนศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์และพักผ่อนหย่อนใจ ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม มีบริการรถพ่วงวิ่งรอบบริเวณ รวมทั้งจักรยานให้เช่าอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. อัตราค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท นักเรียน 5 บาท รถ 4 ล้อ 30 บาท
ประวัติเจ้าพ่อพระยาแลจังหวัดชัยภูมิ
พระยาภักดีชุมพล เดิมชื่อ"แล" เป็นชาวนครเวียงจันทน์ เคยรับราชการเป็นพี่เลี้ยงราชบุตรในเจ้าอนุวงศ์แห่งอาณาจักรล้านช้าง (ขณะนั้นเป็นประเทศราชของไทย) ในสมัยรัชกาลที่ 2 พ.ศ. 2360 นายแลได้อพยพไพร่พลข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งบ้านเรือนที่บ้านน้ำขุ่นหนองอีจาน (อยู่ในเขตอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา) ต่อมาได้ย้ายไปตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง (อยู่ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิ) และได้ทำราชการส่งส่วยต่อเจ้าอนุวงศ์ เจ้าอนุวงศ์จึงตั้งให้นายแลเป็นที่ขุนภักดีชุมพลนายกองนอก
ใน พ.ศ. 2365 ขุนภักดีชุมพลได้ย้ายชุมชนมาอยู่ที่บ้านหลวง ซึ่งอยู่ระหว่างบ้านหนองหลอดกับบ้านหนองปลาเฒ่า ในเขตอำเภอเมืองชัยภูมิปัจจุบัน เนื่องจากสถานที่เดิมเริ่มคับแคบ ไม่พอกับจำนวนพลเมืองที่เพิ่มขึ้น
พ.ศ. 2367 ได้ที่การพบบ่อทองที่บริเวณลำห้วยชาด นอกเขตบ้านหลวง ขุนภักดีขุมพลจึงได้นำทองในบ่อนี้ไปส่วยแก่เจ้าอนุวงศ์และขอยกฐานะบ้านหลวงขึ้นเป็นเมือง เจ้าอนุวงศ์จึงประทานชื่อเมืองแก่ขุนภักดีชุมพลว่า เมืองไชยภูมิ และเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เป็นพระภักดีชุมพล ทว่าต่อมาพระภักดีชุมพลได้ขอเอาเมืองไชยภูมิขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยแก่กรุงเทพมหานครแทน ไม่ขึ้นแก่เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์อีกต่อไปพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านหลวง(เมืองไชยภูมิ)เป็นเมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งพระภักดีชุมพล (แล) เป็นพระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก สร้างความไม่พอใจแก่ทางฝ่ายเวียงจันทน์อย่างมาก
ในสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ก่อการกบฏต่อกรุงเทพเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช โดยยกทัพเข้าตีเมืองนครราชสีมา แต่เห็นว่าจะทำการต่อไปได้ไม่ตลอด จึงเผาเมืองนครราชสีมาทิ้งและถอนทัพกลับไปตั้งรับที่เวียงจันทน์ ระหว่างทางกองทัพเจ้าอนุวงศ์เกิดความปั่นป่วนจากการลุกฮือของครัวเรือนที่กวาดต้อนไปเวียงจันทน์ ขณะพักทัพอยู่ที่ทุ่งสำริด พระยาภักดีชุมพล (แล) ได้ยกทัพไปสมทบกับคุณหญิงโมและครัวเรือนชาวเมืองนครราชสีมา ทำการตีกระหนาบกองทัพของเจ้าอนุวงศ์จนแตกพ่าย เจ้าอนุวงศ์เกิดความแค้นที่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอมให้ความร่วมมือกับฝ่ายลาว ซ้ำยังยกทัพมาช่วยฝ่ายไทยตีกระหนาบทัพลาวอีกด้วย จึงย้อนกลับมาเมืองชัยภูมิ จับตัวพระยาภักดีชุมพล (แล)ประหารชีวิต ที่บริเวณใต้ต้นมะขามริมหนองปลาเฒ่า
การเสียชีวิตของพระยาภักดีชุมพล (แล) ในครั้งนั้น เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ชาวเมืองชัยภูมิจดจำตลอดมา และระลึกถึงว่าเป็นวีรกรรมครั้งสำคัญของท่านต่อมาชาวเมืองชัยภูมิจึงเรียกขานท่านด้วยความเคารพว่า "เจ้าพ่อพญาแล" และได้มีการสร้างศาลไว้ตรงสถานที่ที่พระยาภักดีชุมพล (แล) ถูกประหารชีวิต ที่บ้านหนองปลาเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 (ชัยภูมิ - บ้านเขว้า) ต่อมาใน พ.ศ. 2511 ทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่ ให้ชื่อว่า "ศาลพระยาภักดีชุมพล (แล)" และจัดให้มีงานสักการะเจ้าพ่อพญาแลทุกปี โดยเริ่มจากวันพุธ แรกของเดือน 6 เป็นเวลา 7 วัน เรียกว่า "งานเทศกาลบุญเดือนหก ระลึกถึงความดีของ เจ้าพ่อพญาแล" ถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของชาวชัยภูมิ และใน พ.ศ. 2518 ทางราชการร่วมกับพ่อค้าและประชาชนชาวชัยภูมิ สร้างอนุสาวรีย์ของพระยาภักดีชุมพล (แล) ประดิษฐานอยู่ตรงวงเวียนศูนย์ราชการ ปากทางเข้าสู่ตัวเมืองชัยภูมิ
ลูกหลานของพระยาภักดีชุมพล (แล) ที่ได้รับราชการเป็นเจ้าเมืองชัยภูมิคนต่อๆ มา ล้วนได้รับยศและบรรดาศักดิ์เป็นที่พระยาภักดีชุมพลทุกคน รวมทั้งสิ้น 5 คน ส่วนเจ้าพ่อพญาแลได้เป็นพระยาภักดีชุมพลได้ 4 ปี เป็นเจ้าเมืองชัยภูมิถึง 10 ปียศที่ท่านได้รับ
ท่านได้รับพระราชทานยศดังนี้
- พระพี่เลี้ยงราชบุตร ยศนี้ได้รับจากเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์
- ขุนภักดีชุมพล ยศนี้ได้รับจากเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์
- พระภักดีชุมพล ยศนี้ได้รับจากเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์
- พระยาภักดีชุมพล (แล) ได้รับจากเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์
- พระยาภักดีชุมพล (แล)เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก ได้รับจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
สถานที่ระลึกถึงพระยาภักดีชุมพล (แล)
- อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล)
- ศาลเจ้าพ่อพระยาแล
- ผู้สืบต่อยศพระยาภักดีชุมพล
ผู้ที่ได้รับยศพระยาภักดีชุมพลต่อจากท่านนั้นมีดังนี้
- พระยาภักดีชุมพล ( เกตุ )
- พระยาภักดีชุมพล ( เบี้ยว )
- พระยาภักดีชุมพล ( ที )
- พระยาภักดีชุมพล ( บุญจันทร์ )
- พระยาภักดีชุมพล ( แสง )
จากสมัยของพระยาภักดีชุมพล (แสง)เสียชีวิตเป็นต้นมา ยศเจ้าเมืองก็เปลี่ยนกลายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิในปัจจุบันนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)